จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ประเพณีหกเป็งนมัสการองค์พระธาตุแช่แห้ง



สำหรับวันนี้เรามาทำความรู้จักประเพณีของชาวจังหวัดน่านกันนะค่ะ  โดยจะมีขึ้นเป็นประจำของทุกๆ ปีของเดือนมีนาคมโดยประมาณ  มาทำความรู้จักกับความเป็นมากันก่อนนะค่ะ


          ประเพณีหกเป็งนมัสการองค์พระธาตุแช่แห้ง (ไหว้สาพระธาตุแช่แห้ง) เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่อดีต   ในช่วงฤดูเทศกาลเพ็ญเดือนหก (เหนือ) เจ้าผู้ครองนครน่าน พร้อมด้วยข้อราชบริพารจะพากันไปนมัสการพระธาตุแช่แห้ง โดยในวันขึ้นสิบสี่ค่ำเดือนหก ขบวนแห่ของเจ้าเมืองน่านพร้อมด้วยคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนจากชุมชนต่างๆ จะมาพร้อมกันที่บริเวณรอบๆ เนินภูเพียงแช่แห้ง จะมีพิธีทางศาสนา และกิจกรรมเฉลิมฉลอง เพื่อเป็นพุทธบูชา โดยมีการทำบุญตักบาตร เทศมหาชาติ บรรยายธรรม และมีการจุดบ๊อกไฟดอก (บั้งไฟ) ซึ่งมีลักษณะเป็นไฟพะเนียงพื้นบ้าน มีความสวยงามในยามราตรี เมื่อถึงวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนหก ขบวนพุทธศาสนิกชนจะทำครัวตาย (เครื่องไทยธรรม) ในช่วงบ่ายจะมีการถวายเป็นพระพุทธบูชา โดยการจุดบ๊อกไฟดอก (บั้งไฟ) ขึ้น และมีการแสดงพระธรรมเทศนา เทศน์มหาชาติสืบเนื่องต่อจากวันขึ้นสิบสี่ค่ำ


สำหรับในประเพณีหกเป็งนมัสการองค์พระธาตุแช่แห้งยังมีกิจกรรมต่างๆ อีกมากมายที่น่าสนใจนะค่ะ  เชิญท่องเที่ยวงานประจำปีของเราด้วยนะค่ะ










วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

เมืองงาช้างดำ








สำหรับที่มาของเมืองงาช้างดำตามที่ดิฉันได้ยินมานั้น  ดิฉันจะนำมาเล่าให้ฟังคร่าวๆๆ นะค่ะ
       
        กล่าวว่าเมืองน่านยกทัพไปล้อมเมืองเชียงตุงหลายเดือน  ทำให้ชาวเมืองเชียงตุงเดือดร้อน  โหรเมืองเชียงตุงทูลเจ้าเมืองว่าเป็นเพราะมีงาช้างดำอยู่ด้วยกัน  ทางที่ดีควรแยกออกจากกัน  จึงนำงาช้างดำกิ่งหนึ่งมอบให้กองทัพเมืองน่านแล้วกระทำสัตย์สาบานเป็นมิตรกันตลอดกาล
      ความสำคัญของงาช้างดำนี้เชื่อกันว่า พญาการเมือง  เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ 6 ราวพุทธศตวรรษที่ 20   ได้ทำพิธีสาปแช่งเอาไว้ว่า  ให้งาช้างดำนี้เป็นของคู่บ้านคู่เมืองน่านตลอดไป  ผู้ใดจะนำไปเป็นสมบัติส่วนตัว  มิได้  ต้องไว้ที่หอคำหรือวังเจ้าผู้ครองนครเท่านั้น งาช้างดำเป็นวัตถุมงคลคู่บ้านคู่เมืองน่านและถือเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของจังหวัดน่าน  เป็นวัตถุโบราณที่หายากและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างมากค่ะ  และทั้งหมดนี้ก็เป็นที่มาของชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งของจังหวัดน่าน 
 โดยปัจจุบันนี้ได้เก็บรักษาไว้ที่  พิพิธฑภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ค่ะ